เรียกได้ว่ากำลังเป็นนักการเมืองที่มาแรงมากอีกคนในช่วงนี้นั่นคือ นาวาอากาศตรี (น.ต.) ศิธา ทิวารี หรือที่หลายคนเรียก ผู้พันปุ่น
เกิดเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2507 เป็นลูกชายของ มานพ ทิวารี กับ หม่อมราชวงศ์ (มรว.) จารุวรรณ ทิวารี (ราชสกุลเดิม: วรวรรณ)
เป็นพระนัดดา (หลาน) ของหม่อมเจ้าดุลภากร วรวรรณ พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
กับหม่อมอินทร์ โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ มีพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ
พระองค์เจ้าวรวรรณากร เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) กับเจ้าจอมมารดาเขียน โดยต้องบอก
เลยว่าวีรกรรมของศิธานั้น สร้างสีสันให้การเมืองมากๆ โดยในวันนี้เราจะพาทุกคนมาเปิด 5 วีรกรรม ที่ศิธานั้นมีบทบาทมากๆ โดยมาเริ่ม
ที่เรื่องแรกนั่นคือ ศิธา เข้ารับราชการทหารในสังกัดกองทัพอากาศ และเคยเป็นนักบินขับไล่นอร์ธรอป เอฟ-5 (Northrop F-5) และใช้เวลานานเกือบ 8 ปี
จนได้เป็นนักบินขับไล่ เอฟ-16 ไฟทิงฟอลคอน (General Dynamics F-16 Fighting Falcon) และท้ายที่สุด ก่อนที่จะลาออกจากราชการ
เพื่อมาทำงานการเมือง คือตำแหน่ง รองหัวหน้าแผนกแผนร่วม กองนโยบายและแผน กรมยุทธการ กองทัพอากาศ วีรกรรมที่ 2 นั่นคือ ศิธา
เคยมีโอกาสเข้าวงการบันเทิง ถ่ายแบบเล่นละครด้วย โดยเขาบอกว่า ตอนนั้นผมเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ กำลังจะเข้าเตรียมทหาร เวลาจะไปกินข้าวข้างทาง
ก็จะมีคนมาถามว่าไปถ่ายแบบไหม ไปถ่ายโฆษณาของเซนทรัลไหม และพวกเอเจนซี่ต่างประเทศก็ชอบมาชวน อาจจะเป็นหน้าหรือคาแรคเตอร์ที่เขาชอบ
เราก็ไปถ่ายแล้วก็ได้ตังค์ ตอนนั้นประมาณ 1,000 – 2,000 บาท/ งาน ซึ่งมันก็เยอะนะสมัยนั้น แต่บางอันก็ถ่ายไม่ได้เพราะว่าเป็นนักเรียนทหาร
ต่อมาวีรกรรมที่ 3 เมื่อปี2545-2546 โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
รัฐบาลพรรคไทยรักไทย ก่อนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีจากคดียุบพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2549 และรับตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท
การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในปี 2556-2557 ต่อมาวีรกรรมที่ 4 นั่นคือ น.ต. ศิธา ธิวารี ได้มาออกรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ
ซึ่งช่วงหนึ่งได้มีการสัมภาษณ์ ส.ว.กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ซึ่ง น.ต. ศิธา เสริมว่า “ตัวเล็ก ๆ ไม่ขวางมาก เพราะคนที่ขวางมากคือ คนที่ให้กำเนิด ส.ว. ส.ว. เป็นไอ้เข้ระดับรุ่นน้อง”
จังหวะนั้น ทำให้ ส.ว.กิตติศักดิ์ ถึงกับเดือดและพูดว่า “ถ้าผมจะพูดว่า คุณศิธาเป็นเหี้ยได้ไหม” และ น.ต. ศิธา ก็รีบตอบว่า “ได้ครับ ท่านมีสิทธิ์จะพูด
แต่ผู้ฟังจะวินิจฉัยเองถึงวุฒิภาวะของแต่ละคน””และคุณก็เหน็บแนมนะ ถือว่าเจ๊ากันไปไม่มีปัญหา ศิธาเป็นเหี้ยแล้วกัน” ทำ น.ต. ศิธา บอกว่า “ท่านคุยกับเหี้ยรู้เรื่องก็ดีฮะ” (น.ต.ศิธา ยิ้มอ่อน)
เรียกไดว่าแสบมากๆ เลยทีเดียว และวีรกรรมล่าสุด ‘ศิธา’ตอบกลับ’ชลน่าน’หลังถูกกล่าวหาเสียมารยาท ถามเรื่องเอ็มโอยูตั้งรัฐบาล เผย หลังแถลงข่าวเสร็จก็ไปนั่ง
ทานข้าวชนแก้วกันอย่างชื่นมื่น แต่รุ่งขึ้นกลับตาลปัตรมาพูดเชิงลบ ลั่นหวังว่าจะรักษามารยาทตอยคำถามปชช.ด้วย โดยศิธาบอกว่า “ผมไม่ได้กลัวการเสียมารยาท มากไปกว่า กลัวการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ”
เลย ส่วนในมุมการรักษามารยาท ที่คุณหมอกำหนดบรรทัดฐานมานั้น เมื่อทราบความอึดอัดของหมอชลน่านเช่นนี้ ผมก็คงไม่ไปถามอะไรถึงเรื่องนี้อีกในทำนองเดียวกัน หากหลังจากนี้มีประชาชนผู้ลงคะแนน ให้กับพรรคร่วม
ฝ่ายค้านเดิมร่วม 25ล้านคน หรือสื่อมวลชนทั่วไป จะมีใครไปถามหมอแทนประชาชน ถึงจุดยืน Advance MOU นี้อีกผมก็หวังว่า ท่านหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะรักษามารยาท ด้วยการตอบคำถามต่อพี่น้องประชาชนด้วย ครับ